ปวดท้องประจำเดือน: 7 ท่าโยคะที่ช่วยลดอาการปวด

ปวดท้องประจำเดือน: 7 ท่าโยคะที่ช่วยลดอาการปวดอย่างมีประสิทธิภาพ

ปวดท้องประจำเดือน เป็นปัญหาที่ผู้หญิงมากกว่า 80% ต้องเผชิญทุกเดือน แต่รู้หรือไม่ว่า โยคะแก้ปวดท้องประจำเดือน เป็นวิธีธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงในการบรรเทาอาการปวด?

บทความนี้จะแนะนำ 7 ท่าโยคะเพื่อแก้ปวดท้องประจำเดือน พร้อมหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ว่าโยคะช่วยให้คุณรู้สึกสบายขึ้นในช่วงที่มีรอบเดือน

ทำไมโยคะช่วยแก้ปวดท้องประจำเดือนได้?

กลไกการทำงานของโยคะ

โยคะช่วยบรรเทาปวดท้องประจำเดือน ผ่านกระบวนการต่างๆ ดังนี้:

  • เพิ่มการไหลเวียนของเลือด – ช่วยลดการเกร็งของกล้ามเนื้อมดลูก
  • ยืดกล้ามเนื้อ – โดยเฉพาะบริเวณหลัง สะโพก และช่องท้องที่มักตึงตัวช่วงมีประจำเดือน
  • กระตุ้นการหลั่งเอนโดรฟิน – ฮอร์โมนที่ช่วยลดความเจ็บปวดตามธรรมชาติ
  • ลดความเครียด – ซึ่งสามารถบรรเทาอาการปวดรุนแรงขึ้นได้

หลักฐานทางวิทยาศาสตร์

การศึกษาจาก National Center for Biotechnology Information (NCBI) พบว่าการฝึกโยคะช่วยลดความรุนแรงของการปวดท้องประจำเดือนได้อย่างมีนัยสำคัญ โดย:

  • ผู้หญิงที่ฝึกโยคะเป็นประจำมีระดับความปวดลดลง 40-60%
  • การหลั่งเอนโดรฟินเพิ่มขึ้น 25% หลังการฝึกโยคะ
  • ระดับฮอร์โมนความเครียดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

Mayo Clinic ยังแนะนำให้การออกกำลังกายด้วยโยคะ เป็นวิธีบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนที่ไม่ต้องใช้ยา

7 ท่าโยคะแก้ปวดท้องประจำเดือน

 

1. ท่า Child’s Pose

 

 

 

 

 

 

วิธีฝึก:

  1. คุกเข่าลงบนพื้น แยกเข่าห่างกันเล็กน้อย
  2. นั่งทับส้นเท้า วางก้นลงบนส้นเท้า
  3. โน้มตัวไปข้างหน้า ยื่นแขนออกไปด้านหน้า
  4. วางหน้าผากลงบนพื้น หายใจเข้าลึก หายใจออกยาวประมาณ 3-5 ลมหายใจ

ประโยชน์: ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลัง ลดความเครียด และช่วยให้หายใจได้ลึกขึ้น

2. ท่า Cat-Cow

วิธีฝึก:

  1. มือและเข่าตั้งฉากกับพื้น (ท่า Table Top)
  2. หายใจเข้า โก่งหลัง เงยหน้าขึ้นมองด้านบน (Cow Pose)
  3. หายใจออก โค้งหลัง ก้มหน้าลงมองบริเวณท้อง (Cat Pose)
  4. ทำซ้ำ 8-10 ครั้ง

ประโยชน์: เพิ่มความยืดหยุ่นของกระดูกสันหลัง ลดอาการปวดหลัง และกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

3. ท่า Supine Spinal Twist

วิธีฝึก:

  1. นอนหงาย งอเข่าขวาขึ้น
  2. หมุนขาขวาไปด้านซ้าย ใช้มือซ้ายกดเข่าเบาๆ
  3. แขนขวายื่นออกไปด้านข้าง หันหน้าไปทางขวา
  4. ค้างท่า 1-2 นาที แล้วสลับข้าง

ประโยชน์: บรรเทาความตึงในหลังส่วนล่าง กระตุ้นการย่อยอาหาร และนวดอวัยวะภายใน

4. ท่า Legs Up the Wall

 

 

 

 

 

 

วิธีฝึก:

  1. นอนหงาย วางก้นใกล้กำแพงหรือผนัง
  2. ยกขาขึ้นชิดกำแพง ให้ขาตั้งฉากกับลำตัว
  3. แขนวางข้างลำตัว หลับตาผ่อนคลาย
  4. หายใจลึกๆ นาน 3-5 นาที

ประโยชน์: ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการบวม และผ่อนคลายระบบประสาท

5. ท่า Happy Baby Pose

วิธีฝึก:

  1. นอนหงาย งอเข่าทั้ง 2 ข้างขึ้น
  2. จับด้านนอกของฝ่าเท้า ดึงเข่าลงมาหาหน้าอก
  3. โยกไปมาเบาๆ เหมือนเด็กทารกที่กำลังเล่น
  4. ค้างท่า 1-2 นาที

ประโยชน์: ยืดกล้ามเนื้อสะโพก บรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น

6. ท่า Pigeon Pose

 

 

 

 

 

 

วิธีฝึก:

  1. นำขาขวามาข้างหน้า งอเข่า วางขาไว้ใต้ลำตัว
  2. ขาซ้ายยื่นตรงไปด้านหลัง
  3. วางมือทั้งสองข้างลำตัว หรือ ก้มตัวไปด้านหน้า และวางศอกลงบนพื้น
  4. ค้างท่า 1-2 นาที แล้วสลับข้าง

ประโยชน์: ยืดกล้ามเนื้อสะโพกส่วนลึก ช่วยบรรเทาอาการตึงในช่องท้องล่าง

7. ท่า Corpse Pose

 

 

 

 

 

 

วิธีฝึก:

  1. นอนหงาย ขายื่นตรง แขนวางข้างลำตัว
  2. หลับตา หายใจลึกๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทั้งตัว
  3. ผ่อนคลายโดยเริ่มจากส่วนศรีษะไปจนถึงปลายเท้า ค่อยๆผ่อนคลายร่างกาย
  4. อยู่ในท่านี้ 5-10 นาที

ประโยชน์: คลายความเครียด ลดฮอร์โมนความเครียด และรีเซ็ตระบบประสาท

คลิปฝึกโยคะช่วยเรื่องรอบเดือนกับครูขวัญใจ Ep.1

คลิปฝึกโยคะช่วยเรื่องรอบเดือนกับครูขวัญใจ Ep.2

คลิปฝึกโยคะช่วยเรื่องรอบเดือนกับครูขวัญใจ Ep.3

เคล็ดลับการฝึกโยคะเพื่อแก้ปวดท้องประจำเดือนให้ได้ผลสูงสุด

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการฝึก

ก่อนมีประจำเดือน (7-14 วัน):

  • ฝึกโยคะเป็นประจำเพื่อเตรียมร่างกาย
  • เน้นท่าที่เสริมความแข็งแรง

วันแรกของประจำเดือน:

  • เลือกท่าที่ผ่อนคลาย เช่น Child’s Pose, Legs Up the Wall
  • หลีกเลี่ยงท่าหัวกลับ และท่าที่ต้องเกร็งท้อง

หลังจากอาการปวดบรรเทา:

  • เพิ่มความถี่ และความยากของท่า
  • รวมท่าอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง

ข้อควรระวัง

  • อย่าฝืนฝึกโยคะ หากรู้สึกเจ็บขณะทำท่าโยคะ
  • หายใจเข้า-ออกลึกๆ ตลอดเวลาที่ฝึก
  • ใช้อุปกรณ์ช่วยในการฝึกโยคะ เช่น หมอนช่วยซัพพอร์ตร่างกายในบางท่าโยคะ

อุปกรณ์โยคะที่จำเป็น

สิ่งที่คุณต้องเตรียม:

  • เสื่อโยคะ
  • หมอน หรือ บลอดโยคะ 

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

แม้ว่าโยคะจะช่วยแก้ปวดท้องประจำเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่คุณควรปรึกษาแพทย์หาก:

  • อาการปวดรุนแรงมาก จนไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้
  • อาการปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือ มีความเปลี่ยนแปลงผิดปกติ
  • มีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น เลือดออกมากผิดปกติ มีลิ่มเลือด
  • ยาแก้ปวดทั่วไป และการฝึกโยคะไม่ได้ผล

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่วงมีประจำเดือน สามารถศึกษาได้จาก Mayo Clinic Health System หรือ Healthline ที่มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์

สรุป: โยคะแก้ปวดท้องประจำเดือนอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

การฝึกโยคะเป็นวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ในการบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน ด้วยท่าโยคะ 7 ท่า ที่แนะนำมา คุณสามารถเลือกฝึกตามโดยที่ร่างกายรู้สึกสบายขึ้นได้

Key Takeaway:

  • ฝึกโยคะอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้อาการปวดลดลง
  • ฟังเสียงจากร่างกาย และเลือกท่าที่ทำแล้วรู้สึกสบาย
  • โยคะไม่เพียงช่วยแก้อาการปวดท้องประจำเดือน แต่ยังส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
  • หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการตรวจรักษาที่เหมาะสม

เริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยโยคะวันนี้ และสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงที่ดีของร่างกายและจิตใจอย่างยั่งยืน

ทดลองเรียนโยคะ ราคาพิเศษ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ที่ >  https://www.yogaandme.net/register/

 

แหล่งข้อมูลและการศึกษาเพิ่มเติม

หากต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของโยคะในการบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน สามารถอ่านงานวิจัยได้จาก: